เดวิด แบ็คแฮม หรือ David Robert Joseph Beckham ผู้ประสบความสำเร็จทั้งชีวิตในสนาม และ นอกสนาม ที่ปัจจุบันเป็นประธานสโมสรอินเตอร์ ไมอามี ใน เมเจอร์ลีกซอกเกอร์ เรียกได้ว่าเป็น เทพบุตรลูกหนัง ของจริง นอกจากนี้เดวิด แบ็คแฮมเป็นนักเตะหนึ่งในไม่กี่คนที่ลงเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกมากกว่า 100 นัดและยังเป็นนักเตะจากสหราชอาณาจักรคนแรกที่ได้ลงเล่นครบ 100 นัดในแชมเปี้ยนส์ลีก นักเตะผมทองจอมปั่นฟรีคิกเจ้าพ่อลูกตั้งเตะ คนหนึ่งของลีกและชื่อเสียงของเบคแฮมนั้นคนทั่วโลกรู้จักเขาเป็นอย่างดีทั้งยังเป็นหนึ่งในนักเตะที่ว่ากันว่า หล่อที่สุดในวงการฟุตบอล และแน่นอนว่าเบคแคมเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นนายทหารแห่งจักรวรรดิบริเตนจากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2

ถ้าหากพูดถึงยุคทองของวงการฟุตบอล 90S อาจจะกล่าวได้ว่า เดวิด แบ็คแฮม เป็นตำนานคนหนึ่งของวงการลูกหนัง โด่งดังไม่แพ้ เปเล่ ไข่มุกดำ, ดีเอโก้ มาราโดนาหัตถ์พระเจ้า หรือ โรนัลโด R9 โล้นทองคำ และยังคงดังต่อเนื่องจนถึงยุคสมัยของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือ ลีโอเนล เมสซี่ ความเป็นซุปเปอร์สตาร์ของ เดวิด แบ็คแฮม ไม่ได้ลดน้อยลงด้วย

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ปี 1975 จุดเริ่มต้นของเด็กชายคนหนึ่งเกิดที่ลอนดอน ลูกชายของเดวิด เอดเวิร์ด อลัน และ ซานดรา จีออร์จีนา ที่ไปเป็นเด็กฝึกที่เมืองแมนเชสเตอร์ จากเดิมที่เดวิด เบคแฮม สมัครเป็นนักฟุตบอลฝึกหัดไปอยู่ในค่ายเยาวชนฟุตบอลของ สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ และร่วมเล่นกับ บริมสดาวน์โรเวอร์ส จากนั้นได้ย้ายไปอยู่เปรสตันนอร์ธเอ็นด์ นับได้ว่ามีความพยายามทางด้านฟุตบอลตั้งแต่เด็ก ก่อนที่จะย้ายไปเป็นเด็กฝึกในเมืองแมนเชสเตอร์

และเป็นชายที่ก้าวขึ้นเป็น ตำนานของวงการฟุตบอลแห่งสหราชอาณาจักร สมัยในวัยของเบ็คแฮมพ่อของเขาได้ทำลูกบอลขึ้นจากถุงเท้า เพื่อให้เขาลองเตะ นับได้ว่าจุดเริ่มต้นของซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก การเริ่มฝึกฝนเทคนิคเกิดขึ้นช่วงตอนอายุได้ 4 ขวบ หัดเล่นภายในสวนสาธารณะแถวบ้าน เรียกได้ว่าฉายแววมาตั้งแต่เด็กๆ จากสิ่งที่พ่อเล่นกับลูกในวัยเด็กกลายมาเป็นความฝันของเด็กชายตัวเล็กๆและเมื่อเข้าโรงเรียนจาก ความฝันกลายเป็นแรงผลักดันและแรงบันดาลใจให้เขาต่อสู้เพื่อความสิ่งที่เขาอยากจะเป็น

ชีวิตในวงการฟุตบอลของเดวิด แบ็คแฮม

ชีวิตในรั้วแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ในวัยเด็กเมื่อคุณครูถามถามถึงความฝันของเขา คำตอบของเด็กชายเบ็ค มีเพียงอย่างเดียวนั่น คือ นักฟุตบอล ไม่ว่าจะถามกลับไปกลับมาซ้ำแล้วซ้ำอีก คำตอบที่ได้จะเป็นแบบเดิมทุกครั้ง พ่อของเบ็คแฮม เป็นสนับสนุนและเป็นคนที่สร้างลูกชายเพียงคนเดียวตั้งแต่อายุ 7 ปีให้เข้าสู่วงการฟุตบอลอย่างเต็มที่ พาไปเข้าฝึกอบรมทุกอย่างที่เกี่ยวกับฟุตบอลอย่างเต็มที่ เข้าครอสอบรมเยาวชนต่างๆเพื่อที่จะได้เรียนรู้ทักษะทางด้านฟุตบอลเต็มที่ ขับรถเป็นระยะทาง 200 ไมล์ทุกสัปดาห์เพื่อดูพัฒนาการของลูกชาย และ ให้กำลังใจกับลูกชายในการฝึกซ้อม ภายในการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทำให้พรสวรรค์ของเด็กหนุ่มไปเข้าตาแมวมองของปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และขอให้ไปร่วมทดสอบในชมรมและเยาวชนของสโมสร

เมื่ออายุได้ 10 ปีเป็นช่วงเวลาที่ เดวิด แบ็คแฮม ต้องออกจากบ้านมาตามความฝันในการออกจากบ้านเพื่อฝึกซ้อมร่วมเล่นกับแผนการฝึกซ้อมของทีมอย่างจริงจังของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สิ่งที่ทำให้ครอบครัวดีใจและปลื้มปิติมากที่สุดคือการที่ เดวิด แบ็คแฮมได้เข้าเป็น นักเตะฝึกหัดของ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ในช่วงระยะเวลาการเป็นผู้เล่นในชุดเยาวชน เดวิด แบ็คแฮม ถูกเลี้ยงดูและดูแลเป็นอย่างดีโดย พ่อใหญ่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กลายเป็นนักเตะเท้าชั่งทองในฐานะเด็กก้นกุฏิของคลาส 92 ฟรีคิกที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพพร้อมที่จะทะลวงประตูหากอยู่ในระยะทำการ เซ็นสัญญานักฟุตบอลอาชีพในวันที่ 23 มกราคม 1993

ยืมตัวสู่รั้วเพรสตันนอร์ทเอนด์

เมื่อตอนที่ แบ็คแฮม อายุได้ 11 ปีเขาได้รับรางวัลจากโรงเรียนฝึกสอนฟุตบอล บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ให้ไปฝึกซ้อมกับบาร์เซโลนา จนถึงวันหนึ่งที่เขามีโอกาสได้ก้าวขึ้นมาสู่การเล่นกับทีมชุดใหญ่ เริ่มสร้างชื่อจากดาวรุ่งชุด “คลาส ออฟ ‘92” ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ถูกยืมตัวไปเพรสตันนอร์ทเอนด์ในสัญญายิมตัวในฤดุกาล 1994-1995 และสามารถยิงประตูจากการเตะมุม

กลับคืนถิ่นโอลแทรฟฟอร์ด

เมื่อผู้เล่นชุดใหญ่ของสโมสรออกจากทีมไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 94-95  ทำให้เด็กผีทุกคนทุกยุคสมัยตราตรึงกับแบ็คแฮม ภายใต้ชุดการแข่งขัน Red Army ยุคที่เป็นหนึ่งในตำนานปีศาจแดงที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปีกขวาที่เปิดบอลได้แม่นที่สุดบนเกาะอังกฤษ อาวุธที่ทรงอานุภาพมากที่สุด ทำให้ทุกทีมหวาดผวา ครั่นครามในฝีไม้ลายมือของการตั้งเตะลูก เดวิด แบ็คแฮม เป็นดาวรุ่งคนแรกที่ทำประตูแรกได้ตั้งแต่ในนัดแรกของฤดูกาลท่ายิงที่เป็นเอกลักษณ์ นัดที่แข่งกับเวสต์แฮมและเอาชนะไปด้วยสดอร์ 3-1 ประตู จากนั้นก็กลายเป็นผู้เล่นตัวจริงของปิศาจแดงเสมอ พลังหนุ่มและยังเป็นกำลังหลักสำคัญ เดวิด แบ็คแฮม จบการยิงได้อย่างเฉียบคมเหมือนกับดีดหนังยาง (คำกล่าวจากกอร์ดอน ฮิลล์)

ลูกที่สร้างชื่อให้กับเทพบุตรรายนี้ คือนัดในวันที่17 สิงหาคม ปี 1996 นัดเปิดสนามของพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 1996-97 ที่แมนเชสเตอร์พบกับวิมเบิลดัน เขาซัดประตูได้จากครึ่งสนามโดยส่งบอลผ่านมือ นีล ซัลลิแวน พาทีมเอาชนะไป 3-0 เรียกได้ว่าชนะอย่างขาดลอย ลูกยิงที่ดีที่สุดในชีวิต ในฤดูกาลนี้ได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอทำให้กลายเป็นที่รู้จักและถูกทั้งโลกจับตามองมากยิ่งขึ้นทันทีและ เดวิด แบ็คแฮม ประสบความสำเร็จสูงสุดในฤดูกาล 1998-1999 กับสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ด้วยการคว้าทริปเปิลแชมป์รายการสำคัญ 3 รายการ และส่งผลให้ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ตำแหน่งเซอร์ (เป็นบุคคลที่ได้รับตำแหน่งเซอร์คนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร) คือ พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แบ็คแฮมเป็นนักเตะที่มีผลงานกับทีมเป็นอย่างมากทั้งยังมีส่วนร่วมในการทำประตูนัดสำคัญๆอยู่เสมอตลอดฤดูกาล เจ้าของสถิตินักเตะที่ยิงฟรีคิกได้มากที่สุดตลอดกาลในพรีเมียร์ลีก 18ประตู และ 65 ประตูตลอดชีวิตค้าแข้งที่เกิดจากการปั่นฟรีคิก แต่ชื่อเสียงที่ได้มาย่อมทำให้ปัญหาเกิดขึ้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มองว่า ชีวิตส่วนตัวของแบ็คแฮม ที่คบหาดูใจกับ วิคตอเรีย ทำให้แบ็คแฮมมีพฤติกรรมแย่นอกสนาม และไม่มีสมาธิในการฝึกซ้อมกับการแข่งขันเท่าที่ควร เป็นเหตุรอยร้าวระหว่าง ผู้จัดการทีมกับนักเตะ ความสัมพันธ์ของทั้งสองได้ขาดสะบั้นลง

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2003 ความปราชัยที่ทีมปืนใหญ่ได้มอบให้กับปิศาจแดง ภายในห้องแต่งตัวเฟอร์กูสันได้เตะรองเท้าสตั๊ดไปโดนบริเวณเหนือคิ้วของเบ็คแฮมจนได้รับบาดเจ็บ เป็นสาเหตุที่ส่งผลให้ ตำนานหมายเลข 7 นักเตะเท้าชั่งทองแห่งปีศาจแดงเริ่มต้นในการย้ายทีมหลังสิ้นสุดฤดูกาล ทำให้เขาลงสนามในนามทีมสโมสรแมนยูทั้งหมด 394 นัด กับผลงานการยิงประตู 85 ประตู และมีส่วนช่วยทำประตู 20 ประตู ว่ากันว่าถ้าเขาไม่ย้ายออก อาจจะเป็นตำนานวันแมน คลับ แบบ ไรอัน กิ๊กส์ หรือ พอล สโคลส์

จากปิศาจสู่ราชันย์

ราคาค่าตัวประมาณ 35 ล้านยูโร ถือว่าสูงมากในยุคสมัยนั้น สำหรับกองกลางมากความสามารถรายนี้ ยุคกาลักติโกส ประกอบด้วย หลุยส์ ฟิโก้, ซีเนดีน ซีดาน,โรนัลโด,ไมเคิล โอเวน, ราอุล กอนซาเลซ โรแบร์โต้ คาร์ลอส และ อิเกร์ กาซิยัส เป็นต้น นับได้ว่าเป็นการรวมทีมที่มีค่าตัวมหาศาลมากที่สุดของยุคสมัยครั้งหนึ่งเลยทีเดียว จากเดิมที่ใส่เสื้อเบอร์ 7 ของปิศาจแดงแต่ที่ราชันย์ชุดขาวนั้นมา ราอุล เป็นผู้ครอบครองอยู่ก่อนหน้าอยู่แล้ว ทำให้เขาเลือกที่จะใส่หมายเลข 23 เพราะว่าเขาเองก็เป็นแฟนคลับ ไมเคิล จอร์แดน

การเล่นฟุตบอลให้กับทีมราชันย์ชุดขาวแม้ว่าจะมีฟอร์มการเล่นที่ดี แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ ด้วยความหล่อของเทพบุตรลูกหนังทำให้เกิดข่าวอื้อฉาวว่ามีความสัมพันธ์กับอดีตผู้ช่วย และนางแบบชาวออสเตรเลีย แม้ว่าจะปฎิเสธข่าวนี้ แต่ก็ยังส่งผลให้ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ที่ไม่เห็นค่าของเดวิด แบ็คแฮม จับเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยครั้ง หลังจากนั้นไม่นานสิ่งที่สร้างปรากฎการณ์ตื่นตะลึงอีกครั้ง คือ การประกาศย้ายทีมไปยัง”แอลเอ แกแล็คซี่” หลังจบฤดูกาล 2007

ประเด็นที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องราวนี้ คาเปลโล่  ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นและกลายเป็นความเสียใจอย่างหนึ่งของเขา เพราะแท้จริงแล้วความกระหายในชัยชนะของ เทพบุตรสุดหล่อไม่เคยจางหาย มาดริดได้เสนอสัญญา 2 ปี แต่เจ้าตัวต้องการระยะเวลาที่ยาวนานกว่านั้น แต่ก็ยังไม่มีสัญญาฉบับใหม่ส่งมาหาเขา จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ เขาเลือกย้ายไปยังเมเจอร์ลีกของอเมริกาที่ยื่นระยะเวลาให้นานถึง 5 ปี และค่าเหนื่อยที่มากมหาศาล เป็นจุดที่ทำให้คาเปลโล่เลือกจะส่งแบ็คแฮมเป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้น แต่ต้องบอกว่าของจริงยังไงก็ยังคงเป็นของจริงอยู่วันยังค่ำ เทพบุตรสุดหล่อนักเตะเท้าชั่งทอง ลงสนาม และก็เป็นไปตามคาด เดวิด แบ็คแฮม จ่ายบอลจนทีมคว้าแชมป์ลาลีก้า คาเปลโล่ ถึงกับกล่าวว่า “ผมเสียใจจริงๆที่เราไม่ยื่นสัญญาในระยะเวลาอย่างที่เขาต้องการ” ทำให้เขาลงสนามรับใช้ทีมไป 155 นัด ยิงได้ 20 ประตูและมีส่วนช่วยทำประตู 25 ประตู

สร้างฐานธุรกิจการกีฬาในฐานะนักเตะ แอลเอ กาแลคซี

เปิดตัวในฐานะนักเตะแอลเอ ผู้เล่นซูเปอร์สตาร์รายแรกๆ ที่ตัดสินใจย้ายไปเล่นในอเมริกา ด้วยค่าเหนื่อย 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ/สัปดาห์(สำหรับปี 2007 นับว่าสูงมาก)และ ยังคงใส่หมายเลขเดิมนั่นก็คือ 23 มีแฟนบอลมาต้อนรับถึง 250,000 คนในฤดูกาลแรกกับทีมแอลเอ ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนัก ลงเล่น 8 นัด ทำประตูได้ 1 ประตู และปิดฤดูกาลไปแบบไม่หวือหวา วันที่ 24 พฤษภาคม 2008 สร้างตำนานอีกครั้งสำหรับการยิงไกลระยะร่วม 70 หลา แต่เป็นฤดูกาลที่ไม่มีอะไรแตกต่างเพราะ ฤดูกาลที่ 2 ก็จบลงแบบมือเปล่าที่ไม่ได้รับสิทธิอะไรทั้งสิ้น

ทำให้มีเรื่องราวว่า เขาอยากกลับไปยืนอยู่ในที่มีแสงไฟอีกครั้ง การเล่นในเมเจอร์ลีกของสหรัฐอเมริกาไม่เพียงพอสำหรับเขาแล้ว ทำให้เกิดสัญญาการยืมตัวไปสู่ทีมเอซีมิลาน ถึงแม้ว่าจะเป็นการยืมตัวแต่ก็ยังคงเล่นให้กับ แอลเอ กาแลคซีด้วย เพื่อต้องการสิทธิ์ในการไปเล่นฟุตบอลโลกอีกครั้ง

เล่นเพื่อฟุตบอลโลกกับเอซีมิลาน

การเล่นบอลให้กับทีมปิศาจแดงดำคือการสร้างโอกาสที่จะได้ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลโลก 2010 มีส่วนร่วมในการทำประตูมากมายจนทำให้ทีมได้รองแชมป์ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา

หวนคืนสู่เมจอร์ลีก แอลเอ กาแลคซี

การกลับมาครั้งนี้ด้วยร่างกายที่สมบูรณ์พร้อม ทำให้การเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้สโมสร แอลเอ กาแลคซี คว้าแชมป์เอ็มแอลเอส และสร้างผลงานในการลงเล่น 124 นัด ยิง 20 และมีส่วนช่วยทำประตู 42 ประตูถึงขนาดที่แอลเอ กาแล็กซีสร้างรูปปั้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ แบ็คแฮม ที่ Dignity Health Sports Park

กลับสู่การเป็นสตาร์กับปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง และ แขวนสตั๊ด

แม้ว่าเดวิด แบ็คแฮม จะได้เริ่มกลับมาฝึกฟุตบอลกับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะได้เล่นเล่นในนามทีมปืนใหญ่ เพราะเป็นเพียงเพื่อให้แบ็คแฮมได้ฝึกสภาพร่างกายของเขาเท่านั้นไม่ได้มีการเซ็นสัญญา วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2013 ได้เปิดตัวในนามสโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็งเป็นผู้เล่นคนที่ 400 ของสโมสรนอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จได้คว้าแชมป์ลีกเอิงเป็นสมัยแรกของเบคแคมและสมัยที่สามของสโมสร และกลายเป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษคนแรกที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของแต่ละประเทศได้ถึง 4 ประเทศ คือ อังกฤษ, สเปน, อเมริกา และฝรั่งเศส ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ดในวันที่ 16 พฤษภาคม 2013

เล่นฟุตบอลในนามทีมชาติ

แม้ว่าประเทศอังกฤษจะไม่หวือหวามากสำหรับฟุตบอลโลกแต่เดวิด แบ็คแฮม เป็นนักเตะอังกฤษเพียงคนเดียวที่ทำประตูในการแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครั้ง โดยยิงประตูให้ทีมชาติรวมทั้งหมด 17 ประตู เล่นให้ทีมชาติอังกฤษถึง 115 ครั้ง แต่ในสามครั้งนั้นมี หนึ่งครั้งที่ทำให้ฝังอยู่ในใจเรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งหนึ่งของเขา คือ ฟุตบอลโลกปี 1998 เกมที่ทีมชาติอังกฤษพบกับทีมชาติอาร์เจนตินา ขณะที่เกมกำลังเสมอกันอยู่ที่ 2-2 แบ็คแฮมถูกใบแดงไล่ออกจากสนามและทีมชาติอังกฤษเป็นฝ่ายแพ้จุดโทษ แบ็คแฮมกลายเป็นแพะรับบาปไปทันที แบ็คแฮมกลายเป็นนักเตะทีมชาติอังกฤษคนแรกที่ได้ใบแดง 2 ใบ และยังเป็นกัปตันคนแรกที่โดนไล่ออกจากสนาม

ชีวิตส่วนตัวของเดวิด แบ็คแฮม

อย่างที่รู้กันเดวิด แบ็คแฮม เกิดวันที่ 2 พฤษภาคม 1975 นอกเหนือจากเรื่องฟุตบอลแล้ว จากที่เกิดในลอนดอนตะวันออกมีโทนเสียงที่สูงกว่าคนอื่นทำให้ต้องเข้าครอสเรียนออกสำเนียงเสียงให้ต่ำลง คู่รักบันลือโลกของเดวิด และวิคตอเรีย เบ็คแฮม โดยที่งานแต่งของ เบ็คแฮม ใช้เงิน 628,000 ปอนด์ เข้าสู่พิธีวิวาห์ในวันที่ 4 กรกฎาคม 1999 จากระยะเวลานานจนปัจจุบันให้กำเนิดโซ่ทองคล้องใจถึง 4 คน ได้แก่ บรูคลิน, โรมีโอ, ครูซ และฮาร์เปอร์ แม้ว่าจะมีช่วงระยะเวลาที่อาจจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนัก ในปี 2004 ที่เกือบจะทำให้ความรักของทั้งคู่เกือบสะดุดลง เมื่อเดวิด เบ็คแฮม ตกเป็นข่าวสัมพันธ์สวาทกับรีเบ็คก้า ลูส เลขาส่วนตัวแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยด้วย เห็นแบบนี้การเงินของ แบ็คแฮม

หลั่งไหลเข้ามากมายมหาศาลเมื่อปี 2003 เซ็นสัญญาตลอดชีพมูลค่า 125 ล้านปอนด์กับอาดิดาส และยังได้ส่วนแบ่งกำไรจากการขายสินค้าในชื่อของ เท่านั้นยังไม่พอ เขายังเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ H&M ว่ากันว่าภายใต้แบรนด์สินค้าชั้นนำนี้ เขามีหุ่นขนาด 10 ฟุตของเขาสวมกางเกงในยืนอยู่หน้าร้านในนิวยอร์ก, ลอสแอนเจลิส และซานฟรานซิสโก ทั้งยังเป็นพรัเซนเตอร์เอไอเอประกันชีวิต ออกผลิตภัณฑ์กลุ่มจัดแต่งทรงผมในแบรนด์ “เฮาส์ 99” และเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลในเมืองไมอามี ความสำเร็จสูงสุดอีกอย่างหนึ่งของโลกกีฬา ที่เเบ็คแฮม เผยความตั้งใจอยากใช้สิทธิจากออปชั่นในสัญญาค้าแข้งกับแอลเอ กาแล็กซี่ ที่เขาเซ็นเมื่อปี 2007 จะได้รับส่วนลดพิเศษหลังเลิกเล่นเรื่องการตั้งทีมใหม่ลงเตะในลีกอเมริกัน นอกเหนือจากนี้ยังรับหน้าที่เป็นทูตให้กับองค์กร UNICEF นอกจากนี้แบ็คแฮมมีรายได้สุทธิอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านปอนด์

เห็นแบบนี้แล้วนอกจากความหล่อแบบเทพบุตร นิสัยยังเหมือนเทวดาอีก ย้อนกลับไปในช่วงเซ็นสัญญากับทีม ปารีสแซงต์ แชร์กแมงในปี 2013 แบ็คแฮม เซ็นสัญญามอบค่าเหนื่อยทั้งหมดให้กับองค์กรการกุศลเพื่อเด็ก ประมาณ 170,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ กับกองทุนชื่อ “7: The David Beckham UNICEF Fund

แต่อย่างไรก็ตามคนเราไม่มีทางที่จะสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง แบ็คแฮมมีอาการป่วยทางจิตคืออาการ “ย้ำคิดย้ำทำ” ทำให้เขาซื้อตู้เย็นติดบ้านไว้ถึง 3 หลัง จัดไว้เป็นหมวดหมู่อย่างเรียบร้อยด้วยการแบ่งเป็น ใส่อาหารทั่วไป, ใส่เฉพาะสลัดผักเท่านั้น และ ใส่เฉพาะเครื่องดื่มเท่านั้น ผนวกกับโรคอื่นๆติดตัว คือ “โรคกลัวความชุลมุนวุ่นวาย” และ “โรคกลัวนก”

เดวิด แบ็คแฮม มีอาหารจานโปรดคืออาหารประจำลอนดอนตะวันออกอย่าง “พายกับปลาไหลวุ้น”

ปัจจัยในความสำเร็จของเดวิด แบ็คแฮม

หากว่าคุณเป็นคนดูบอล จะรู้ได้ทันทีเลยว่า เทพบุตรสุดหล่อรายนี้ไม่ใช่นักเตะที่วิ่งเร็วที่สุด ไม่ใช่นักเตะที่มีความแข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังไม่ใช่นักเตะที่เลี้ยงบอลเก่งที่สุด แต่เป็นนักเตะที่มีการการันตีได้ดีถึงลูกตั้งเตะ หรือ การยิงฟรีคิก กับ การวางบอลยาวจ่ายบอลสวยๆคมๆให้กับเพื่อนร่วมทีมในการทำประตู แบ็คแฮมไม่ได้เป็นเพียงนักเตะที่มีพรสวรรค์เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยพรแสวงซึ่งเต็มไปด้วยความขยัน จากการซ้อมเตะลูกยิงฟรีคิกมากกว่าวันละ 1000 ลูกหลังจากการซ้อมปกติ ถึงขั้นที่มหาวิทยาลัยสแตฟฟอร์ดเชอร์เคยเปิดสอนวิชา “เบ็คแฮมศึกษา” เพื่อศึกษานักเตะคนนี้โดยเฉพาะ

เกียรติประวัติ

ในนามสโมสร

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

พรีเมียร์ลีก 6 สมัย : 1995-96, 1996-97, 1998-99, 1999-2000, 2000-01, 2002-03
เอฟเอคัพ 2 สมัย : 1995-96, 1998-99
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย : 1998-99
Intercontinental Cup 1 สมัย : 1999
คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 4 สมัย : 1993, 1994, 1996, 1997
เอฟเอยูธคัพ 1 สมัย : 1991-92

เรอัลมาดริด

ลาลิกา 1 สมัย : 2006-07
ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา 1 สมัย : 2003-04

แอลเอ แกแลกซี

MLS Supporters’ Shield 2 สมัย : 2010, 2011
MLS Cup 2 สมัย : 2011, 2012
MLS Western Conference
Winners (Regular Season) 3 สมัย: 2009, 2010, 2011
Winners (Playoffs) 3 สมัย: 2009, 2011, 2012

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

ลีกเอิง 1 สมัย : 2012-13

ทีมชาติ

ทีมชาติอังกฤษ

Tournoi de France 1 สมัย : 1997
FA Summer Tournament 1 สมัย : 2004

เกียรติประวัติส่วนตัว

นักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำเดือน (1): สิงหาคม 1996 พรีเมียร์ลีกอังกฤษ
นักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ (1): 1996-97
FWA Tribute Award: 2008
Sir Matt Busby Player of the Year (1): 1996-97
UEFA Club Footballer of the Year (1): 1998-99
UEFA Club Midfielder of the Year (1): 1998-99
Premier League 10 Seasons Awards (1992-93 ถึง 2001-02):
Domestic & Overall Team of the Decade
Goal of the Decade (vs. Wimbledon, 17 สิงหาคม 1996)
UEFA Team of the Year 2003
Real Madrid Player of the Year (1): 2005-06
PFA Team of the Year (4): 1996-97,1997-98,1998-99,1999-2000
BBC Sports Personality of the Year (1): 2001
ฟีฟ่า 100
ESPY Award – Best Male Soccer Player: 2004
ESPY Award – Best MLS Player: 2008
English Football Hall of Fame: 2008
BBC Sports Personality of the Year Lifetime Achievement Award (1): 2010
MLS Comeback Player of the Year Award (1): 2011
Major League Soccer Best XI: 2011

รางวัลพิเศษ

Officer in the Order of the British Empire by Queen Elizabeth II: 2003
United Nations Children’s Fund (UNICEF) Goodwill Ambassador (2005-ปัจจุบัน)
“Britain’s Greatest Ambassador” – 100 Greatest Britons awards
The Celebrity 100, number 15 – Forbes, 2007
Number 1 on the list of the 40 most influential men under the age of 40 in the UK – Arena, 2007
Time 100: 2008
Gold Blue Peter Badge winner, 2001
Do Something Athlete Award, 2011