เป็๋นเหตุการณ์ที่ช็อคสะท้านวงการลูกหนังมากครั้งหนึ่งและเรื่องนี้ได้รับข้อมูลมาจากสื่อดังแห่งแคว้นคาตาลัน ที่ได้วิเคราะห์ถึง 5 เหตุผลสำคัญที่ทำให้เมสซีตัดสินใจแยกทางกับบาเซโลน่า
1. ความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่นกับเหล่าผู้บริหาร

เมสซีมีความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่ค่อยดีนักกับบรรดาผู้บริหารของทีม ภายใต้การนำของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เมสซียังคงรักสโมสรเสมอ แต่การพ่าย บาเยิร์น มิวนิค ขาดลอย 2-8 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คือฟางเส้นสุดท้ายของการเปลี่ยนแปลง

2. การจากไปของบัลเบร์เด

ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าเข้ากับเฮดโค้ชคนเก่าๆได้ดีทุกคนตั้งแต่ปี 2004 ไล่ตั้งแต่ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด, โจเซป กวาร์ดิโอลา, ตาต้า มาร์ติโน, ติโต้ บียาโนบา, หลุยส์ เอ็นริเก (แม้จะมีขัดแย้งกันในบางเรื่องก็ตาม) และ เอร์เนสโต บัลเบร์เด ซึ่งรายหลังสุดนั้นถูกตะเพิดออกจากตำแหน่งไป และ กีเก้ เซเตียน เข้ามารับช่วงต่ออย่างไม่สมเหตุสมผล ซึ่งสุดท้ายก็ไม่รอด ถูกไล่ออกไปอีกราย

แฟนบอลบาร์ซ่า เรียกร้องสโมสรรั้งตัว “เมสซี่” อยู่กับทีมต่อ (ภาพ)

3. ไม่เห็นด้วยกับแผนการของสโมสร

เมสซีรู้สึกไม่ประทับใจกับแผนงานของสโมสรมาสักพักใหญ่แล้ว โดยซีซั่นล่าสุดเรียกว่าหายนะได้เลยกับการเซ็นสัญญาและการลงทุนในตลาดนักเตะ เงินที่ขายเนย์มาร์ได้ 222 ล้านไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ความสัมพันธ์ระหว่างเมสซีกับ เอริก อบิดัล (อดีต)ผู้อำนวยการสโมสรก็ย่ำแย่ เมสซีคิดว่าสโมสรกำลังทำลายตัวเองในทุกๆตลาดการซื้อ-ขาย

4. ซัวเรซหมดอนาคต

การที่ หลุยส์ ซัวเรซ ถูก โรนัลด์ คูมัน กุนซือคนใหม่ประกาศว่าไม่อยู่ในแผนการทำทีม ทำให้เมสซีเจ็บปวดมาก เพราะเมสซีกับซัวเรซถือเป็นคู่หูกันทั้งในและนอกสนาม ซึ่งเมสซีคิดว่าซัวเรซสมควรได้รับความเคารพมากกว่านี้

5. ไม่เชื่อมือคูมัน และไม่มีเวลาให้รออีกต่อไป

เมสซีตัดสินใจอนาคตตัวเองได้แล้ว แต่ก็ยังอยากคุยกับคูมันก่อน แต่เบื้องต้นคือเขาไม่เชื่อว่าคูมันจะกอบกู้บาร์เซโลน่าให้กลับมายิ่งใหญ่ได้ อีกทั้งในวัย 33 ปีของตัวเอง เมสซีเชื่อว่าเหลือเวลาไม่มากที่ตัวเองจะเล่นด้วยฟอร์มระดับท็อปได้อีก